เล่าให้ฟัง >> ทักษิณ..บินไปทั่วโลก 31, 32, 33, 34,
By: Thaksin Shinawatra
31, 13 สิงหาคม 2556
ท่านสังเกตไหมครับว่า เดือนมิถุนายน ผมไปวอชิงตัน ดี.ซี. เดือนกรกฏาคมผมกลับมาก็แวะไปฟิลิปปินส์ แล้วกลางเดือนไปปักกิ่ง และเมื่อวานนี้เพิ่งกลับจาก ฮานอย ผมไปทำไมเอ่ย
ครับ ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียนกับจีน ตั้งแต่ ก.ค.2012 (2555) ถึง ก.ค.2015 (2558) พอผมไปพบกับพวก Think Tank ของสหรัฐที่วอชิงตัน ดี.ซี. เขาก็บอกผมว่า ไทยเป็นผู้ประสานงานอาเซียนอยู่นี่นา ไทยมีเพื่อนในอาเซียนเยอะแยะ ไม่ลองแวะไปคุยกับเพื่อนๆคุณว่าทำยังไง ให้ช่วยรักษาสันติภาพแถบทะเลจีนใต้(South China Sea)ไว้ ไม่ให้เกิดการยั่วยุ จนเป็นสงครามหรือเกิดการสะสมอาวุธใส่กัน
ทะเลจีนใต้ มีข้อพิพาทของเขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนกันหลายประเทศ คือ จีน ไต้หวัน เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ ต่างคนต่างลากเส้นอาณาเขตของตัวเองตามกฏหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับเขตแดนทางทะเล
ผมก็เลยออกเดินทางไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว ไม่เป็นทางการ เพื่อจะได้ให้กระทรวงการต่างประเทศของเราได้มีข้อมูลพื้นฐานว่า แต่ละคนมีจุดสงวนอย่างไร จุดผ่อนปรนคุยกันได้อย่างไร เพื่อเราจะแสดงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ให้แต่ละประเทศคุยกันทีละขั้นจากง่ายไปหายาก ให้เก็บข้อขัดแย้งแรงๆ ไว้ และเน้นให้มาคุยเรื่องง่ายๆ ให้เขามามีกิจกรรมร่วมกัน
เช่น จะพัฒนาหาทรัพยากรทางทะเลร่วมกันอย่างไร การประมงจะทำกันได้แค่ไหน จะเดินเรือทะเลผ่านเส้น claim ของคนอื่นจะทำได้อย่างไร แค่ไหน ไทยเราต้องประสานงานให้เกิดสันติสุขในภูมิภาคนี้ได้ ความน่าเชื่อถือ น่าเที่ยว น่าลงทุนในภูมิภาคก็จะมีต่อเนื่อง
หลังจากพูดคุยแล้ว พบว่าทุกคนก็อยากเห็นสันติสุขและพยายามที่จะโอนอ่อนผ่อนปรนเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข พอสมควรทีเดียว เพียงแต่สงวนจุดที่ตนเองจะถูกมองว่าทำให้เสียดินแดนหลักๆเท่านั้น ซึ่งผมก็จะส่งให้กระทรวงต่างประเทศเป็นข้อมูลในการทำงานประกอบการทำหน้าที่ผู้ประสานงานที่ดีอีกครั้งหนึ่ง
ข้อดีคือ ผมไม่มีตำแหน่งแต่เป็นเพียงผู้ปรารถนาดีต่อภูมิภาคอยากเห็นภูมิภาคมีความสามัคคี มีเศรษฐกิจดี และมีความเป็นเพื่อนกับทุกๆคน เลยได้รับความร่วมมือที่จะพูดความรู้สึกจริงๆ อย่างไม่เป็นทางการได้เต็มที่
ก็อยากบอกให้ผู้ติดตาม FB ผมได้ทราบว่า เทคนิคของการเจรจาไม่เป็นทางการได้ผลกว่าเป็นทางการเพราะเวลาคุยเป็นทางการทุกคนต้องรักษาฟอร์ม ทุกอย่างถูก Structure อยู่ในรูปแบบไม่มี Space ในการปรับให้เข้ากันได้มากนัก ซึ่งเป็นวิธีที่ผมใช้บ่อยเวลาจะมีประชุมระหว่างประเทศใหญ่ๆ
โดยเราจะส่งคนไปคุยนอกรอบไว้ก่อน จะได้มีไว้ในกระเป๋าว่าจะพูดแค่ไหนถึงจะเป็นไปได้ ทำให้การประชุมทุกครั้ง สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้เร็วไม่ต้องมาทะเลาะกันระหว่างประชุมรุนแรง และจบได้สวย มีสาระ มากกว่าแค่ให้ผู้นำมาเจอกัน ถ่ายรูป แล้วก็ไม่ได้อะไรกลับไป
ผมเชื่อว่าประเทศไทยจะทำหน้าที่ได้ดี รับรองว่า 3 ปีของการเป็นประเทศผู้ประสานงาน จะไม่มีอาการฮึมฮัมกันของประเทศมหาอำนาจเกี่ยวกับเรื่องทะเลจีนใต้แน่นอนครับ
32, 15 สิงหาคม 2556
เมื่อคืนก่อนดูข่าวว่ายุโรปเริ่มหลุดจากเศรษฐกิจถดถอยหลังจาก 18 เดือน คงมีหลายสาเหตุที่ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปล่าช้า แต่เหตุที่สำคัญอันหนึ่งและตัวเลขก็ยังปรากฏอยู่ การตกงานยังสูงมาก ทั้งนี้เพราะเขาแก้ปัญหาธนาคารไม่ครบวงจร เพราะธนาคารเป็นตัวกลางของคนมีเงินเหลือ กับคนต้องการใช้เงิน พอเศรษฐกิจแย่คนมีเงินเหลือก็มีน้อยต้องถอนเงินกัน ธนาคารจึงต้องเพิ่มทุน ผู้ถือหุ้นก็ไม่มีเงิน รัฐจึงต้องเพิ่มทุนให้แทน
แต่คนใช้เงินคือผู้กู้ก็ไม่มีเงินมาชำระ แถมยังเป็นหนี้เสีย ธนาคารก็ตั้งสำรองตลอดเวลาในขณะที่ทุนก็ไม่พอ เงินฝากก็น้อย ธนาคารจึงไม่ปล่อยกู้รายย่อยเพราะกลัวหนี้จะเสีย SME ก็ต้องปิดกิจการ คนก็ตกงานเพิ่ม บริษัทใหญ่ก็เจ๊งบ้าง หดตัวบ้าง
ถ้ารัฐไม่ตั้ง Bad Bank หรือสถาบันบริหารสินทรัพย์เพื่อมาซื้อหนี้เสียออกจากธนาคาร ธนาคารก็ไม่มีกำลังปล่อยกู้ภาคเอกชน การจ้างงานการขยายธุรกิจก็ไม่เกิดก็ต้องใช้เวลานาน ธนาคารที่อมหนี้เสียไว้เยอะจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้งและจะมาช่วยสร้างเศรษฐกิจด้วยการปล่อยกู้เพื่อให้เกิดการสร้างงาน
ตอนสมัยที่ผมเป็นนายกฯ ผมรีบประชุมนายแบงค์ทันทีแล้วตั้ง บสท. (บรรษัทบริหารสินทรัพย์) ขึ้นทันที แล้วซื้อหนี้เสียออกจากธนาคาร เพื่อให้ธนาคารแข็งแรงเหมือนผ่ามะเร็งออกทันที พอธนาคารเริ่มแข็งแรงผมก็เริ่มกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยกู้ทันที เลยทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นเร็ว มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ รัฐบาลในยุโรปเน้นเรื่อง Austerity Program ก็คือการประหยัดและตัดงบประมาณลงในหลายด้าน ซึ่งหลักการถูกแต่วิธีการบางรัฐบาลทำไม่เป็น เศรษฐกิจเลยยิ่งหดตัวใหญ่ คนตกงานมาก ระบบราชการที่บริการประชาชนก็มีปัญหาทันที ทั้งๆที่เป็นจังหวะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่
ก็เปรียบเสมือนการที่เราต้องการลดน้ำหนักละครับ ถ้าลดน้ำหนักด้วยการกินน้อยลง เลือกหมวดอาหารที่เป็นประโยชน์ไม่มีไขมัน ไม่มีแป้งน้ำตาล น้ำหนักก็จะลดแต่ยังแข็งแรง ถ้าออกกำลังกายอีกก็ยิ่งแข็งแรงมากโดยน้ำหนักก็ลด แต่ถ้าเราขี้เกียจและก็เห็นแก่กิน แถมไม่มีสติ ก็ใช้ระบบตัดแขนตัดขา น้ำหนักก็ลดจริงแต่ทำงานไม่ได้
ที่ผมยกตัวอย่างที่อาจจะเพี้ยนไปหน่อย ก็เพื่อจะให้เห็นชัดๆเข้าใจง่ายๆว่าการจะทำอะไรอย่ามองจุดใดจุดหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะในโลกปัจจุบันซับซ้อนมีหลายมิติที่มองไปพร้อมๆกัน ดูจุดเดียวมิติเดียวก็พลาดได้ง่ายเพราะมองไม่เห็นภาพรวม มองไม่เข้าใจถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
สำหรับท่านที่มีปัญหาครอบครัวชักหน้าไม่ถึงหลังก็ดี ท่านที่ทำธุรกิจแล้วขาดทุนก็ดี อย่าลืมที่ผมเคยพูดไว้ว่า “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” นี่คือสูตรสำเร็จของชีวิตครับ คือ
(1) ทำบัญชีให้ชัดว่าเรามีรายจ่ายอะไรบ้างทุกบาททุกสตางค์ อันไหนไม่จำเป็นในช่วงนี้ให้ตัดทิ้ง ชวนทั้งครอบครัวมาดูตัวเลขการใช้จ่ายด้วยกันเลย ถ้าเป็นกระเป๋าเดียวกัน
(2) ทำบัญชีรายได้ว่ามีรายได้มาจากไหนบ้าง เอา (1) กับ (2) มาเปรียบเทียบดูถ้ารายได้น้อยกว่ารายจ่ายทั้งๆที่ตัดรายจ่ายไปแล้ว หรือรายได้พอๆกับรายจ่ายไม่ค่อยมีเงินเหลือ ก็ขอให้ไปสู่ข้อ 3
(3) คือการขยายโอกาสในการทำมาหากินของตัวเองและสมาชิกในครอบครัวที่ใช้กระเป๋าเดียวกันว่าใครพอจะมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มเติมก็ต้องทำทุกอย่างที่สุจริต จะได้อยู่รอดและมีเงินเหลือในที่สุดครับ
ขอให้โชคดีทุกคน ทุกครอบครัว ทุกบริษัทครับ
33, 23 สิงหาคม 2556
2 วันก่อนไปแวะทานข้าวเย็นกับนายกฯมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นเพื่อนกันและก็ไปนอนโรงแรมที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงสมัยนายพลติโตของยูโกสลาเวียเมื่อก่อนนี้ (เดิมมอนเตเนโกรเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวียก่อนจะแตกมาเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศ)
ก็ได้คุยกันถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเขา และก็ได้แนะนำไปว่าประเทศเขามีธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนก็มีชายฝั่งทะเลที่มีวิวภูเขาสวยมาก มีเรือยอร์ชมาเทียบมากมายจนไม่มีที่จอด หน้าหนาวก็มีภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสวย พอหิมะละลายก็มีน้ำไหลตามแม่น้ำสะอาดและมีน้ำมาก มีน้ำบ่อธรรมชาติที่สามารถผลิตน้ำดื่มขายแข่งกับพวก Evian ได้สบายมากหากมีการตลาดและควบคุมคุณภาพดีๆ นักธุรกิจไทยที่ทำเรื่องนี้อย่างน้ำสิงห์น่าไปทำ
ช่วงนี้มีนักลงทุนจากตะวันออกกลางไปลงทุนทำโรงแรม อพาร์ทเม้นต์และบ้านขายหลายชุดตามชายฝั่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอิตาลีและอยู่ตอนใต้ของโครเอเชีย ผมก็เลยแนะนำว่า น่าจะทำยกเว้นวีซ่าให้กับหลายๆประเทศ จะได้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เพราะตอนนี้นักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้ามามากขึ้น เมื่อก่อนมีเฉพาะรัสเซียกับเซอร์เบียเพราะเขาพูดภาษาคล้ายกัน
ผมก็เลยแนะนำให้เขาบุกทางท่องเที่ยวและให้เขาเป็น gateway ของสินค้าเข้าสู่ยุโรปตะวันออกได้ เพราะเขามีท่าเรือน้ำลึกที่ใช้เป็นท่าเรือหลักของยูโกสลาเวียสมัยก่อน และก็มีรถไฟวิ่งไปยังเมือง Belgrade เมืองหลวงของเซอร์เบียด้วย สามารถขยายต่อได้มากถ้าประเทศใหญ่สนใจจะใช้บริการเช่น จีน เป็นต้น สินค้าไทยที่มีขนาดหนัก (Bulky) เช่น ข้าวสาร รถยนต์ ที่จะส่งไปขายแถบยุโรปตะวันออกก็มาขึ้นท่าที่นี่ได้
ท่านคงจำได้ตอนสมัยที่ผมถูกไล่ล่า ที่นี่เป็นประเทศแรกที่เสนอให้ passport ผม passport ประเทศนี้สามารถเข้ายุโรปได้ทุกประเทศยกเว้นอังกฤษที่ต้องมีวีซ่า รวมทั้งเข้าประเทศในสหภาพโซเวียตเดิมได้ด้วยและอเมริกากำลังพิจารณายกเว้นให้ แต่ผมตอนนี้ก็ใช้ passport ไทยเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะภูมิใจในความเป็นไทยเต็มหัวใจครับ
สำหรับคนไทย ผมแนะนำว่าน่ามาเที่ยว สวยดีและไม่แพงมาก ที่นี่สะอาดและปลอดภัย ข้อเสียคือต้องขอ Visa ( ยกเว้นมี Schengen Visa) และสายการบินที่บินเข้ามาก็จะมีจาก Vienna, Austria จาก Geneva, Switzerland จาก Istanbul, Turkey จาก Rome, Italy คงยังมี Flight บินไม่มากพอครับ
ตอนนี้ผมอยู่ London แล้วครับ พอดีเป็นหวัดมาจาก Dubai เพราะอากาศข้างนอกร้อนถึง 42 องศา เข้ามาในห้องแอร์ อากาศ 22 องศา เข้า-ออก เข้า-ออก เลยแย่เอาเหมือนกัน คราวหน้าจะเล่าเรื่องอังกฤษครับ
34, 24 สิงหาคม 2556
วันนี้อยู่ลอนดอนก็เลยขอเล่าบรรยากาศให้ฟังครับ
บ้านผมอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของอังกฤษและมีแห่งเดียวในโลก ยังไม่ยอมเปิดสาขาที่ไหนชื่อ Harrods เดิมเป็นของคนอังกฤษ ต่อมามีวิกฤติเศรษฐกิจจึงขายให้นาย Mohammed Al Fayed ซึ่งเป็นคนอียิปต์ที่มาทำธุรกิจอยู่หลายประเทศ ในที่สุดมาลงทุนซื้อห้าง Harrods ซึ่งขายพร้อมกับห้าง House of Fraser ซึ่งเป็นห้างที่มีสาขาหลายแห่งนอกกรุงลอนดอน
นาย Al Fayed ได้แบ่งขาย House of Fraser ออกไปได้ราคาดี เลยเหลือห้าง Harrods เอาไว้ โดยมีต้นทุนไม่กี่ร้อยล้านปอนด์ ต่อมาก็พัฒนาขึ้นมีคนมาซื้อของมากๆโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทั่วโลก
นาย Moharrmed Al Fayed มีลูกชายจากภรรยาคนแรกชื่อ Dodi Al Fayed ที่ต่อมาเกิดอุบัติเหตุทางถนนโดยเสียชีวิตพร้อมกับเจ้าหญิง Diana ที่อุโมงค์ในกรุงปารีสเมื่อ 16 ปีที่แล้ว คือเมื่อ 31 ส.ค. 2540
ช่วงนั้นบ้านเราเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น สมเด็จพระบรมฯซึ่งทรงรู้จักกับนาย Mohammed ก็ได้ทรงเชิญชวนให้นาย Mohammed มาลงทุนในประเทศไทย นาย Mohammed ก็เตรียมตัวจะมา พอดีลูกชายมีอุบัติเหตุเลยเลื่อนมา ในปี 2541 ทรงมีพระเมตตามอบหมายให้ผมดูแลนาย Mohammed เพื่อให้มาลงทุนในไทย ทำให้ผมได้รู้จักกับนาย Mohammed จนเป็นเพื่อนกันมาทุกวันนี้
ช่วงที่ผมไปอยู่อังกฤษตอนปฏิวัติใหม่ๆก็เดินเล่นอยู่ Harrods แทบทุกวันเพราะไม่มีอะไรทำ อยู่มาวันหนึ่งนาย Mohammed จึงขอปรึกษาผมว่าเขาควรจะขาย Harrods ดีไหม ซึ่งผมก็เห็นว่าเขาแก่แล้ว ลูกของภรรยาใหม่ก็ยังไม่สามารถรับงานได้ ส่วน Dodi ก็เสียชีวิตแล้ว จึงแนะนำให้เขาเก็บเงินสดขึ้นมาแล้วสอนลูกให้ทำธุรกิจที่เขาชอบ คนละอย่างสองอย่าง แล้วให้เขาไปบริหารดีกว่า
บังเอิญคนที่สนใจก็เป็นเพื่อนผมคือ Sheikh Hamad bin Jassim ซึ่งขณะนั้นเป็นนายกฯของประเทศการ์ตา (เข้าใจว่าจะร่วมกับ Sheika ภริยาของกษัตริย์ที่นั่น) ผมก็เลยยุให้ทั้งขายทั้งซื้อ ในที่สุดก็ขาย เข้าใจว่าประมาณ 80,000 ล้านบาท ตอนนี้เจ้าของ Harrods จึงเปลี่ยนจากเศรษฐีอียิปต์ เป็นเศรษฐีการ์ตาซึ่งรวยจาก gas
วันนี้ท่านมาเดิน Harrods ก็จะเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และตะวันออกกลาง(อาหรับ)เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหน้า Summer อาหรับร้อนมากก็จะมาอยู่ที่อังกฤษเพราะทุกคนมีบ้านอยู่ทางนี้กัน บางคนลงทุนรถทะเบียนดูไบบ้าง การ์ตาบ้าง ซาอุบ้าง คูเวตบ้างมาวิ่งกันเต็มลอนดอนและจอดช็อปห้าง Harrods ค่าขนส่งไปกลับพร้อมค่าใช้จ่ายในการใช้ชั่วคราวที่อังกฤษ เข้าใจว่าร่วม 2 ล้านบาท นี่คือพวกเศรษฐีน้ำมันก๊าซเขาใช้ชีวิตกันครับ
ส่วนในห้าง Harrods ตอนนี้ก็เรียกว่าจะซื้อของได้แต่ละชิ้นแทบจะเหมือนเขาแจกฟรี เพราะคิวยาวซึ่งกว่าจะได้ลองตัว กว่าจะได้จ่ายตังค์และห่อของ เพราะคนซื้อเยอะจนขายไม่พอ หรืออาจจะเป็นแผนให้คนขายน้อยหน่อย คนซื้อจะได้รอเพื่อเป็นจิตวิทยาทางตลาดก็ไม่แน่ใจครับ
กล่าวโดยสรุปวันนี้เศรษฐกิจลอนดอนเริ่มฟื้นเพราะเงินนักท่องเที่ยวเป็นหลักครับ ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ขึ้นไปเพราะคนรัสเซียกับอาหรับเป็นส่วนใหญ่มาซื้อไว้ มีทางเอเชียอยู่บ้างครับ
เชิญติดตามตอนต่อไป : เล่าให้ฟัง >> ทักษิณ..บินไปทั่วโลก 35, 36, 37, 38, 39,