*..รอโหลดซักกะเดี๋ยว..*           ฝ่าวิกฤติการเมืองไทย..๒๕๔๙
. . . ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่สื่อสารถึง"คนเสื้อแดง"ทั่วไทยและทั่วโลก . . . ขอขอบพระคุณเจ้าของclipภาพถ่ายและบทความทุกๆท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน . . .น้ำใจซื้อขายไม่ได้ แต่น้ำใจให้กันได้...อิอิ
คลิกที่นี่...ดูสด VoiceTV และ AsiaUpdate *..รอโหลดซักกะเดี๋ยวเตง..*
  

@ ปู้นนน...!!! คนเมืองใต้เจียงใหม่ของหมู่เฮาลงไปตางปู๊นนน..... * * * * * @ 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น


คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คำแถลงนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณี ปปช.กล่าวโทษโครงการรับจำนำข้าว

ชาวนา ดูกันหน่อย ดูง่ายๆเข้าใจง่ายๆ อยากให้ชาวนาประเภทยอมเป็นงูเห่าให้เขาจูงพามากดดันคนที่ช่วยเขา ดูหน่อย..
เพื่อเตือนความจำและให้เกิดสำนึก ว่าควรยืนช่วยด้านไหนดี


คำแถลงนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณี ปปช.กล่าวโทษโครงการรับจำนำข้าว

พี่น้องประชาชนชาวไทยและชาวนาที่รักยิ่ง

ดิฉันขอเริ่มต้นด้วยการยืนยันอีกครั้งว่า ตลอดระยะเวลาสองปีกว่าที่ดิฉันได้มาทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้น

ดิฉันตั้งใจที่จะทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนด้วยความมานะอุตสาหะและที่สำคัญด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด เพราะดิฉันตระหนักเสมอว่า เมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจเลือกเราเข้ามาทำงานแล้ว เราจะต้องไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง และต้องทำให้ดีที่สุดดังที่สัญญากับประชาชนไว้ โดยเฉพาะการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนทั้งประเทศ และการรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุควรสงสัย เรื่องการปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการตามอำนาจหน้าที่ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๗ ซึ่งต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้มีหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ แจ้งเรื่องไต่สวนมายังดิฉัน ให้ทราบเรื่องการตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน และมอบหมายให้ ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยหนังสือที่แจ้งต่อดิฉันยืนยันว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวน จะปฏิบัติต่อดิฉันให้ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอย่างเหมาะสมด้วยความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ นั้น

ดิฉันก็เชื่อคำกล่าวอ้างในหนังสือของ ป.ป.ช. เพราะเมื่อคำนึงถึงตำแหน่งที่ดิฉันดำรงอยู่ คือในฐานะนายกรัฐมนตรี หัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดิน ก็ย่อมควรที่จะได้รับการอำนวยความยุติธรรมตามสมควร กล่าวคือ การรับฟังพยานหลักฐานในเรื่องที่มีการกล่าวหาอย่างเพียงพอ แม้ไม่สิ้นกระแสความในขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา และแม้กฎหมายจะระบุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการโดยเร็วแต่ก็ไม่ควรเร่งรีบเร่งร้อน เพื่ออำนวยความยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา

พี่น้องประชาชนค่ะ

การทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ถือเป็นการทำงานในระดับนโยบาย ส่วนในระดับปฏิบัติการการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าว ก็เช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ กล่าวคือ มีการกำหนดโครงสร้างการทำงานขั้นตอนและกระบวนการปฏิบัติ เพื่อรับจำนำและระบายข้าว โดยมีหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบการปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบาย

ระบบงานราชการเป็นระบบการทำงานที่มีมาตรฐาน การที่ดิฉันทำงานอยู่ในระดับการกำหนดนโยบาย จึงไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการลงไปปฏิบัติการสั่งการ หรือครอบงำเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติเลยแม้แต่น้อย ทั้งการดำเนินโครงการตามนโยบายดังกล่าวก็เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี และตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาซึ่งต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๑ และ ๑๗๘ และดิฉันตระหนักเสมอว่า การทำงานไม่ว่าจะเป็นราชการหรือเอกชน จะต้องใช้หลักการในการบริหารจัดการที่ดี มีการมอบหมายงานโดยเด็ดขาด เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบในแต่ละเรื่องแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจน

ดังนั้น เมื่อจะมีการแจ้งว่า จะไต่สวนข้อเท็จจริงดิฉันในเมื่อดิฉันไม่ใช่ผู้ปฏิบัติแต่กำลังถูกกล่าวหา ดิฉันก็จำเป็นต้องขอใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ขอทราบพยานหลักฐานและขอตรวจสอบพยานหลักฐาน ตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองและกำหนดไว้ เพื่อจะได้ชี้แจงเรื่องที่ถูกกล่าวหาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เข้าใจในเบื้องต้นว่า มิได้กระทำผิดซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ก่อนการถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีต่างๆ ผู้ถูกกล่าวหาย่อมต้องมีโอกาสได้ใช้สิทธิ รวมทั้งการขอคัดค้านให้เปลี่ยนตัวบุคคลเป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง

ซึ่งสำหรับกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้ ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นกรรมการนั้น ดิฉันได้ขอให้กรรมการ ป.ป.ช. รายอื่นทำหน้าที่กรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนแทน โดยดิฉันได้ยื่นหนังสือจำนวน ๒ ฉบับ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ แล้ว

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าแปลกใจว่านับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดิฉันไม่เคยได้รับแจ้งจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า เรื่องที่ดิฉันขอความยุติธรรมทั้ง ๒ เรื่องข้างต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ดิฉันหรือไม่ กลับกันคือ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่ผ่านมานั้น ดิฉันได้รับทราบจากการแถลงข่าวของกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นบุคคลที่ดิฉันคัดค้าน ว่า "ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ ให้เรียกดิฉันมารับทราบข้อกล่าวหา โดยจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้ดิฉัน ในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.๐๐ น." ซึ่งหากรวมเวลานับแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการไต่สวน เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๗ จนถึงวันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อดิฉัน ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ รวมเวลาที่ใช้ในการดำเนินคดีเพื่อแจ้งข้อหากับดิฉันเพียง ๒๑ วัน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่กรรมการ ป.ป.ช. เคยปฏิบัติต่อการไต่สวนในคดีทางการเมืองอื่นๆอย่างเช่นคดีของดิฉัน

มีข้อสังเกตที่มาใช้เปรียบเทียบได้ด้วยว่า คดีที่บุคคลรัฐบาลที่แล้วสมัยเมื่อเป็นรัฐบาลก็ถูกกล่าวหาในเรื่องทุจริต ในการปฏิบัติหน้าที่ในหลายคดีเช่นกัน เช่น คดีระบายข้าวถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตแต่ปรากฏว่า คดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่สำหรับดิฉันแล้ว ในเวลาเพียง ๒๑ วัน ดิฉันก็ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา

พี่น้องประชาชนค่ะ

ดิฉันขอยืนยันความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ว่า ดิฉัน มิได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และข้อกล่าวหาที่ว่า ทำไมดิฉันไม่ได้ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว แต่กลับยืนยันที่จะดำเนินโครงการต่อไปนั้น แม้จะถูกกล่าวหาเช่นนี้ดิฉันก็พร้อมที่จะพิสูจน์ให้ชัดแจ้งอีกครั้งว่า โครงการดังกล่าวมีเจตจำนงที่ดีต่อชาวนา และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน โครงการรับจำนำข้าวนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้กับชาวนา และแม้ว่าชีวิตดิฉัน จะต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา หรือรวมทั้งต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตามความต้องการของผู้ล้มล้างรัฐบาลในปัจจุบัน แต่ดิฉันก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริง โดยดิฉันหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และหวังว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยอมรับฟังคำชี้แจงและพยานหลักฐาน ของดิฉันให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะชี้มูลความผิดกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรมนั้น ย่อมต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ตัวเองเสมอ

ที่สำคัญหากการอำนวยความยุติธรรมต่อตัวดิฉันมีจริง โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆแล้วคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ควรรีบเร่ง รีบร้อน ในการไต่สวนและชี้มูลความผิด ให้เป็นไปในลักษณะที่จะถูกสังคมกล่าวหาได้ว่า เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประสงค์ล้มล้างรัฐบาล และหากจะเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ กลับได้รับโอกาสในการได้รับการอำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มที่ นับแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับคำร้องที่มีการกล่าวหา ดังที่ดิฉันได้กล่าวไว้เบื้องต้นในกรณีการทุจริตในโครงการระบายข้าว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๒ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน รวมทั้งคดีที่ยื่นและการค้างพิจารณาอยู่อีกเป็นจำนวนมากมาย เช่น กรณี ปรส.

ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เองก็ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนต่อสาธารณชนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ใช้อำนาจของตนอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรม และเป็นไปตามหลักนิติธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้วหรือไม่

สุดท้ายนี้ ดิฉันขอเรียนต่อพี่น้องประชาชน และชาวนาว่า อย่างเพิ่งท้อถอยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เราจะร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงไปด้วยกัน และดิฉันพร้อมที่จะรับฟังและร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลว่า เป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาวนาอย่างแท้จริง และหากต้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงอย่างไร เพื่อให้โครงการสัมฤทธิ์ผลยิ่งขึ้น ดิฉันก็พร้อมที่จะดำเนินการ ทั้งหมดก็เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน

ขอบคุณและสวัสดีค่ะ


Prime Minister Yingluck Shinawatra's Statement on the National Anti-Corruption Commission (NACC)'s charges over the Rice Pledging Scheme

Respected fellow Thai citizens and dear rice farmers,

I wish to begin by reaffirming that over the past two years since being appointed Prime Minister, I have been committed to serve the people of Thailand with honesty, integrity and every determined effort, as I have always been conscious of the mandate entrusted to me by the Thai people. I shall therefore not let them down; in particular the responsibility to protect the interests of the Thai people and uphold our democratic system with His Majesty the King as the Head of State.

Since the National Anti-Corruption Commission (NACC) has resolved to investigate into the matter upon petition by the Democrat Party, and in the case that the NACC has persistently expressed reason to suspect corruption involved with the Rice Pledging Scheme since 28 January 2014, thereby causing damage to the government; and with the subsequent announcement on 31 January 2014 informing me of this investigation, with the entire NACC making up the investigating committee and the delegating of Professor Vicha Mahakul and Mr.Prasart Pongsiwapai as the responsible committee members for this investigation through an official note which also confirmed that I shall be accorded full rights, treated fairly and transparently in the judicial process by NACC,

I initially believed the NACC, as in consideration of the current position I hold as Prime Minister, that I will be accorded fair and just treatment and that sufficient witness and evidence will be considered throughout the procedures in the reporting of allegations, even though the law specifies that the NACC proceeds promptly, but without rush, in accommodating justice for the accused.

Fellow Citizens

My work as Prime Minister and also as Chairperson of the National Rice Policy Committee is done at the policy level. While at the operational level, the implementation of the Rice Pledging Scheme requires the establishment of a framework, steps, and procedures by government agencies and officials in accordance with the policy direction given.

The government system of work has its own standards and regulations; therefore my work at the policy level does not have the authority to directly operate, order, or overrule the work of government officials in anyway. The implementation of projects involved with a policy must be in accordance with a Cabinet Resolution and must be based on Government Policy as announced to the House of Representatives, stipulated in Articles 171 and 178 of the Constitution of Thailand. I have always been aware that government work and private sector work must be based on such principles and with clear delegation of duties so that there is accountability in all related issues and accountability in each procedure.

Therefore, as there will be an announcement over the investigations into myself and although I have not been involved at the operational level, but nevertheless as I am being accused, I am compelled to exercise my rights within judicial procedures and therefore ask to examine the evidence and witnesses, in accordance with my rights in the judicial procedure as guaranteed by the Constitution of Thailand, so that I can correctly explain such accusations that I have not been involved in any wrongdoing to the NACC.

I have also submitted two official petition notes to the NACC since 11 February 2014, asking them to kindly consider reassigning any other NACC member to undertake the task of investigation, instead of Professor Vicha Mahakul.

However, since that day, I have not been informed by the NACC that my two above-mentioned petitions for justice would be considered or not. Instead, on 18 February 2014, the NACC, through a press briefing by the NACC member that I wished to be substituted, announced that I have been called on 27 February 2014, at 14.00 hrs. to be notified of the charges. If one considers the duration since the NACC assigned its member to investigate the case on 28 January 2014 until the recent announcement on 18 February 2014, it is only just 21 days. This short duration that the NACC used to investigate a political case has never happened before.

Another observation is that a cabinet member in the last government has been charged with corruption on many counts, including corruption charges on their rice insurance scheme. Surprisingly, there has been no judicial development regarding that particular case, whereas it takes only 21 days to investigate and bring charges against me.

My fellow Thai citizens,

I wish to assure you that as I have served my duty with righteousness and contrary to the charges brought against me by the NACC, I have done nothing wrong. On the charges that I did not stop this Rice Pledging Scheme Policy and allowed the scheme to continue, I wish to prove once again that the Scheme will definitely be beneficial to the farmers as it has raised the living standards of our fellow farmers. And though I may be charged in this criminal case and may have to give up my position in accordance to the wishes of those who want to topple my government, I will still lend my full cooperation and give necessary information to the NACC. It is also my fervent hope that the NACC will listen to all accounts of the witnesses before delivering their verdict. The judicial process, under the rule of law, would provide the best opportunity for the accused to prove oneself.

More importantly, if there were indeed true justice without any hidden agenda, the NACC would not have hurriedly investigated and delivered a verdict in such a manner that has allowed society to deem it as beneficial only to those who want to topple the government. And in comparison to previous cases that I have mentioned earlier, for example the rice scheme of the previous government, which is still under investigation since 2013 and other long impending cases such as the bail out of financial institutions from the 1997 economic crisis.

The NACC should prove to the public that it has used its power righteously, in accordance with the principles of the rule of law as stated under the constitution.

Lastly, I urge our dear farmers and the people of Thailand not to be disheartened by this ongoing dilemma. We shall solve this problem and overcome all other obstacles together. I am ready to listen and cooperate with every party to bring about the truth, the effectiveness and productivity of the Rice Pledging Scheme and whether it would really benefit the farmers. Should there be any need to amend the Scheme to be more effective, I am more than welcome as this would truly benefit every single Thai citizen.

Thank you very much.