พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส..
"ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาด้วยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอแสดงสนองพร และไมตรีจิตดังนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน
บ้านเมืองของเราเป็นและเราเป็นสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความปึกแผ่นในชาติและต่างบำเพ็ญกรณียกิจตามหน้าที่ให้สอดคล้องเกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ของชาติ คนไทยทุกคนจึงควรจะตระหนักในข้อนี้ให้มาก และตั้งใจประพฤติตัวปฏิบัติงานให้สมฐานะและหน้าที่เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมคือความมั่นคงปลอดภัยของชาติบ้านเมืองไทย
ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีแต่ความสุข ความเจริญตลอดไป"
ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม ณ วังไกลกังวล 5 ธันวาคม 2556
งานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ศุกร์ที่ 9 มิ.ย.49
@ งานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ศุกร์ที่ 9 มิ.ย.49
ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง วันที่ 5 ธ.ค.2555
ที่มา: น.ส.พ.เดลินิวส์
เมื่อเวลา 09.55 น. วันนี้ (5 ธ.ค.2555) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่งพร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อม ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และคณะแพทย์พยาบาลตามเสด็จ
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ขาวจักรี เสด็จพระราชดำเนินมหาสมาคม รับการถวายพระพรชัยมงคล ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2555 วันที่ 5 ธันวาคม 2555 ในขณะเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์ที่สดใส ทรงยิ้มให้แก่พสกนิกร ก่อนจะประทับรถตู้พระที่นั่ง ซึ่งติดกระจกใสเพื่อให้พสกนิกรได้ชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด และเสด็จฯ ออกจาก รพ.ศิริราช
ตลอดเส้นที่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆเพื่อให้พสกนิกรชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ประชาชนต่างกู่ร้อง ทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วทั้งโรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรจำนวนมากเมื่อได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน น้ำตาแห่งความปลื้มปีติได้ไหลออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ขณะที่ประชาชนต่างชูพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นเหนือหัวพร้อมโบกธงชาติและธงสีเหลือง ที่มีพระปรมาภิไธย "ภปร."
นอกจากนี้ระหว่างเสด็จประทับรถตู้พระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโบกพระหัตถ์ขวาให้กับประชาชนที่ต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง เพื่อมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จฯ อยู่ตามสองฟากฝั่งถนนทั้งในและด้านนอกของโรงพยาบาลศิริราช อย่างเนืองแน่น
ครั้นเมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบอัฒจันทร์มุขตะวันออก พระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้นชั้น 2 โดยลิฟต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เครื่องบรมราชภูษิตาภรณ์ ณ ห้องมุขด้านทิศใต้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงฉลองพระองค์ครุย ณ ห้องมุขด้านทิศเหนือ เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ฉลองพระองค์ครุยเสร็จแล้ว เสด็จลงจากพระที่นั่งอนันตสมาคมทางบันไดมุขด้านทิศใต้ไปทรงยืนเฝ้าที่พระแท่นหน้าสีหบัญชร ถัดมาเป็นแถวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา, นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา ตามลำดับ ด้านหลังเป็นแถวคณะรัฐมนตรี, คณะทูตานุทูต, สมาชิกรัฐสภา, ข้าราชการตุลาการ, ข้าราชการทหาร, พลเรือน, ผู้แทนศาสนาอื่นๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามตำแหน่งหน้าที่ บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ตำรวจหลวง 8 นาย ยืนเฝ้าฯ รักษาการณ์และนายทหารราชองครักษ์ยืนเฝ้าฯ ส่วนพระที่พระลานพระราชวังดุสิต ทหารรักษาพระองค์ และราษฎรทุกหมู่เหล่า เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
จากนั้นเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกท้องพระโรง พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ทรงยืนเฝ้าฯ ด้านหลัง ภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม ขณะนี้ เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร เลื่อนพระแท่นที่ประทับไปยังสีหบัญชร ชาวพนักงานกระทั่งมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์ จบแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าฯ ณ ท้องพระโรงหน้า พระที่นั่งอนันตสมาคม
ลำดับต่อมา นายกรัฐมนตรี, ประธานรัฐสภา และ ประธานศาลฎีกา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ เพื่อเป็นตัวแทนคณะบุคคลจากหน่วยงานของภาครัฐและพสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลพระกรุณาและกล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าฯ ในมหาสมาคม ถวายความเคารพพร้อมเพรียงกัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัส หลังเสร็จสิ้นพระราชดำรัส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงยืนเฝ้าฯ ด้านหลังพระราชอาสน์ กองทหารเกียรติยศสั่งหน้าตรงวันทยาวุธ เหล่าพสกนิกรทั่วหน้าพระลานพระบรมรูปทรงม้า ตลอดจนถนนราชดำเนินกลาง พร้อมใจกันถวายพระพร เปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องยาวนานกว่า 5 นาที แล้วพร้อมใจกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ทั้งนี้ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับอยู่บนพระราชอาสน์ ได้ทรงทอดพระเนตรพสกนิกร ด้วยสายพระเนตรเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งซึมซับนาทีแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ มิอาจกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติได้
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ ห้องมุขด้านทิศใต้ เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการที่เฝ้าฯ คอยส่งเสด็จบริเวณชั้นล่าง พระที่นั่งอนันตสมาคมเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากพระที่นั่งอนันตสมาคมโดยลิฟต์ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ กลับโรงพยาบาลศิริราช โดยตลอดเส้นที่ขบวนรถตู้พระที่นั่งเสด็จกลับได้เคลื่อนผ่านอย่างช้าๆเพื่อให้พสกนิกรชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ประชาชนยังคงกู่ร้อง ทรงพระเจริญๆๆๆๆๆ ดังกึกก้องไปทั่ว พสกนิกรจำนวนมากเมื่อได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่านกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติอีกครั้ง หลายคนต่างชูพระบรมฉายาลักษณ์องค์พระเจ้าแผ่นดินขึ้นเหนือหัวพร้อมโบกธงชาติและธงสีเหลือง ที่มีพระปรมาภิไธย "ภปร." ส่วนหลายคนก็กอดพระบรมฉายาลักษณ์แนบองด้วยความประทับใจที่สุดในชีวิต
ต่อมาเวลา 11.55 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ กลับโดยรถยนต์พระที่นั่งจาก มหาสมาคม รับการถวายพระพรชัยมงคล ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต มายังอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในฉลองพระองค์ครุยราชภูษิตาภรณ์ ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ศ.คลินิก นพ. ประดิษฐ์ ปัญจวีณีน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง ผ่านไปยังโถงอาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประทับ ณ ชั้น 16 การนี้ระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านประชาชน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยิ้มให้กับประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ท่ามกลางเสียงสดุดีแซ่ซ้องสรรเสริญว่า "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้อง ขณะที่ประชาชนต่างชูพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นเหนือหัวพร้อมโบกธงชาติและธงสีเหลือง ที่มีพระปรมาภิไธย "ภปร." ในขณะที่พระบรมวงศานุวงศ์ทรงยิ้มให้กับประชาชน ซึ่งภาพที่ปรากฏได้สร้างความปลื้มปีติให้แก่พสกนิกรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ เป็นอย่างมาก พสกนิกรต่างตื้นตันใจที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนที่จะเสด็จฯ ขึ้นไปประทับยังชั้น 16 พสกนิกรได้พร้อมใจกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา ท่ามกลางน้ำตาแห่งความปลื้มปิติของประชาชนที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ด้านความรู้สึกของประชาชนที่ได้มาเฝ้าฯ รับเสด็จ มร.ทาเคชิ ฟูจิทานิ หัวหน้าสำนักข่าวหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชินบุน ประจำสำนักงานกรุงเทพฯ เผยความรู้สึกว่า รู้สึกปลื้มใจและประทับใจ เมื่อได้เห็นท่านเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราชมายังพระที่นั่งอนันตสมาคม ได้เห็นรอยยิ้มของพระองค์ท่านอย่างชัดเจนในรอบ 3 ปีที่ได้มาทำงานประจำที่กรุงเทพ รวมถึงยังรู้สึกทึ่งและประหลาดใจกับจำนวนคนนับแสนคนมารวมตัวกัน เสมือนพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าประชาชนคนไทย ซึ่งชาวญี่ปุ่นก็ต่างตั้งตาคอยการเสด็จออกในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครั้งนี้ด้วย เพราะราชวงศ์ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน
นางลอร่า ศศิธร พิธีกรชื่อดัง เผยว่า ลูกสาวรบเร้าให้พามาสัมผัสบรรยากาศสักครั้งหนึ่งในชีวิต ด้วยการเขียนการ์ดวางไว้บนหัวเตียง ตัวเองและลูกสาวมีโอกาสมาครั้งแรก เตรียมตัวออกจากบ้านมาแต่เช้าตรู่จับจองพื้นที่ห่างจากแถวหน้าประมาณ 50 เมตรเท่านั้น เมื่อได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอยู่ท่ามกลางมวลพสกนิกรที่พร้อมใจกันมาอย่างไม่มีใครบังคับ มีความรู้สึกหลากหลายปะปนกัน ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และซาบซึ้งใจ
นางสาวจิตติมา วรรธนะสิน พี่สาวนักร้องดัง จิรายุสและเจตริน วรรธนะสิน กล่าวว่า เดินทางมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า ชวนเพื่อนๆ มาถวายพระพรด้วยกัน ส่วนใหญ่ไม่เคยพลาดโอกาสสำคัญเช่นนี้สักครั้ง
นางบรรยง เชื้อชัย แม่บ้านวัย 64 ปี ชาวอุบลราชธานี เดินทางมาพร้อมลูกสาวอีก 3 คน เปิดเผยว่า อยากมาถวายพระพร เนื่องในโอกาววันเฉลิมพระชนมพรรษาทุกปีไม่เคยพลาดมาเฝ้าฯ รับเสด็จและร่วมถวายพระพร วันนี้ได้เห็นพระองค์ท่านมีพระพักตร์ที่แจ่มใส รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ในหลวงทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรงขึ้น และอยากให้พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุถึงร้อยๆ ปี
นายประพันธ์ เผยภูเขียว อายุ 57 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ ว่าตั้งใจมาเฝ้ารอรับเสด็จฯ ตั้งแต่เมื่อคืนวาน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่าน รู้สึกปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อปวงชนชาวไทย ดีใจที่เห็นพระพักตร์พระองค์ท่านสดใส ขอให้พระองค์ท่านหายจากพระอาการประชวร และเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป
นายนคร ชนะทวีนันทพงศ์ และน.ส.ณัฐสุดา ชาวต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ในปีนี้เป็นปีแห่งมหามงคล มีความตั้งใจอย่างมากที่จะเดินทางจากบ้านเกิดมาที่รพ.ศิริราช เป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกวันนี้ได้น้อมนำแนวทางปฎิบัติเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในชีวิตประจำวันโดยตลอด ขอให้พระองค์ท่านทุกพระองค์มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.
@ นายกฯปู-ทหาร ซ้อมใหญ่พระราชพิธีเสด็จออก ณ สีหบัญชร
PlayListฉบับเต็มคลิป1-8 (คลิป4คือคลิปที่สลิ่มเอาไปตัดต่อคำพูด)
จากใจจริง...พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2556
พี่น้องชาวไทยที่เคารพรัก
ผมได้เฝ้าดูเหตุการณ์การปลุกระดมมวลชนของคุณสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์อย่างใกล้ชิด ผมขอกราบเรียนว่าการเมืองไทยโหดร้ายและเลือดเย็นมาก ผมถูกใส่ร้ายมาตลอดโดยเฉพาะประเด็นความไม่จงรักภักดี
ผมขอยืนยันว่าผมไม่เคยแม้แต่จะคิดกล่าวว่าร้ายเจ้านายทุกพระองค์ เพราะผมเป็นคนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น การได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทานให้ผมและคุณหญิงอ้อ
สมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จทอดพระเนตรการยิงดาวเทียมไทยคมดวงแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินเปิดสถานีภาคพื้นดินควบคุมและพระราชทานนามไทยคมให้แก่ดาวเทียม
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจตุตถจุลจอมเกล้าฝ่ายในให้คุณหญิงอ้อ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติจุลจอมเกล้าวิเศษให้กับผมเป็นกรณีพิเศษ และยังทรงพระเมตตาต่อผมให้ได้มีโอกาสถวายงานต่างๆ รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอีกมากมาย
ดังนั้นนอกเหนือจากความเป็นเจ้านายในพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ที่ผมและครอบครัวรักและศรัทธา ยังเป็นความกตัญญูส่วนครอบครัวของผมด้วย
พี่น้องจะรักจะเกลียดเป็นสิทธิของพี่น้อง แต่โปรดอย่าหลงเชื่อคนที่ยืมมือท่านเข้าสู่อำนาจโดยกระบวนการโกหกหลอกลวงตัดต่อเรื่องผม กล่าวหาผมสร้างภัยต่อเจ้านายที่ผมจงรักภักดี กล่าวหาว่าผมอยากเป็นประธานาธิบดี ทั้งที่ไม่มีความจริงเลยแม้แต่น้อย
ผมถูกกล่าวหาให้ร้ายมาโดยตลอด โดยผมต้องอยู่ต่างประเทศจากครอบครัวมาถึง 7 ปีแล้ว ทั้งๆที่ผมเพียงอยากรับใช้ประเทศ พี่น้องประชาชน และถวายงานเจ้านายพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เท่านั้น
อย่าโหดร้ายกับผมเลยครับ ผมก็คือคนไทยที่รักชาติ รักประชาชน และรักเจ้านายไม่น้อยกว่าท่านทั้งหลายครับ
ด้วยความขมขื่นต่อการถูกใส่ร้าย
รักและเคารพ
พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานน้ำสังข์เนื่องในงานมงคลสมรส ระหว่าง ร้อยตำรวจเอก ทักษิณ ชินวัตร กับ นางสาว พจมาน ดามาพงศ์ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2519